ระวังมุขใหม่ มิจฉาชีพแกล้งจำคนผิด เทคนิคหลอกลวงที่คุณควรทราบ!

แนะนำการหลอกลวงรูปแบบใหม่ “แกล้งจำคนผิด”

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้า การสื่อสารผ่านโทรศัพท์และโซเชียลมีเดียกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ก็มาพร้อมกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่จากมิจฉาชีพที่พยายามหาช่องทางหลอกลวงเรา การแกล้งจำคนผิด หรือ “แกล้งจำหน้า” เป็นมุขที่ได้รับความนิยมในกลุ่มมิจฉาชีพที่อาศัยการสร้างสถานการณ์ให้เหยื่อสับสน โดยมักทำให้ผู้ถูกหลอกเชื่อว่ามีความสัมพันธ์กันมาก่อน

เทคนิคหลอกลวง “แกล้งจำคนผิด” ทำงานอย่างไร?

ขั้นตอนที่มิจฉาชีพใช้ในการแกล้งจำคนผิด

  1. สร้างการสนทนาที่คุ้นเคย
    มิจฉาชีพอาจติดต่อคุณผ่านโทรศัพท์หรือแชท แล้วกล่าวถึงเหตุการณ์หรือคนที่คุณอาจรู้จักในเชิงคุ้นเคย เช่น “จำได้ไหมเราเคยเจอกันตอนนั้นที่ร้านกาแฟ?” หรือ “คุณชื่อ…ใช่ไหม? เจอกันที่งานนั้นใช่ไหม?” ซึ่งทำให้ผู้ถูกหลอกเกิดความสับสน และอาจรู้สึกเกรงใจที่จะปฏิเสธทันที
  2. หลอกให้เกิดความรู้สึกว่าเป็นเพื่อนสนิท
    หลังจากที่สร้างความคุ้นเคย มิจฉาชีพจะเริ่มเข้าไปในเรื่องที่ลึกขึ้น อาจพูดถึงเหตุการณ์ที่ฟังดูคุ้นเคยและเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทั่วไป เช่น เรื่องงานหรือชีวิตประจำวัน
  3. ขอความช่วยเหลือหรือเงินในสถานการณ์ฉุกเฉิน
    เมื่อผู้ถูกหลอกเริ่มคล้อยตาม มิจฉาชีพจะเริ่มสร้างเรื่องดราม่า เช่น บอกว่าตัวเองอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก ต้องการเงินด่วน หรือขอความช่วยเหลือในบางอย่าง และมักใช้วิธีการขอในลักษณะที่ให้ดูเหมือนเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องตัดสินใจทันที
  4. ใช้เทคนิคกดดันและเร่งด่วน
    มิจฉาชีพมักใช้เวลาให้สั้นที่สุดเพื่อให้เหยื่อไม่มีโอกาสคิดและตรวจสอบเรื่องราวต่าง ๆ พวกเขาอาจใช้คำว่า “รีบหน่อยนะ” หรือ “ช่วยได้แค่นี้ถือว่าบุญมากแล้ว” เพื่อสร้างแรงกดดัน
  5. ใช้เทคนิค “ความเป็นกันเอง” และ “เกรงใจ”
    เนื่องจากคนไทยมักจะเกรงใจ การที่มีคนจำเราผิดหรือคิดว่าเป็นคนรู้จักอาจทำให้เราไม่กล้าปฏิเสธหรือปิดการสนทนาอย่างทันที

วิธีป้องกันตัวจากการหลอกลวงแบบ “แกล้งจำคนผิด”

  1. ตั้งสติและไม่รีบร้อนเชื่อคำพูดทันที
    หากมีใครมาทักทายว่ารู้จักเราจากสถานที่หรือเหตุการณ์ใด ควรตั้งสติและตั้งคำถามเกี่ยวกับรายละเอียดที่ฟังดูน่าสงสัย เช่น ขอให้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด มิจฉาชีพมักหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลลึก ๆ เพราะอาจทำให้ถูกจับได้
  2. ตรวจสอบโปรไฟล์หรือหมายเลขโทรศัพท์
    หากเป็นการทักมาทางโทรศัพท์ ให้ตรวจสอบหมายเลขหรือหากเป็นทางโซเชียลมีเดีย ให้เช็กโปรไฟล์ของผู้ที่ส่งข้อความมา สังเกตพฤติกรรมหรือโพสต์ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่
  3. ถามคำถามที่ยากและเฉพาะเจาะจง
    คำถามบางอย่างที่เป็นเรื่องส่วนตัวหรือรายละเอียดที่คนที่ไม่รู้จักจริง ๆ ไม่สามารถตอบได้ เช่น “จำชื่อเต็มของฉันได้ไหม?” หรือ “เราคุยกันครั้งสุดท้ายเมื่อไร?”
  4. ไม่โอนเงินหรือให้ข้อมูลส่วนตัวอย่างเด็ดขาด
    หากมีการขอความช่วยเหลือด้านการเงินโดยเฉพาะการขอให้โอนเงิน หลีกเลี่ยงการโอนเงินให้ทันที ไม่ว่าจะใช้คำอ้างหรือแรงกดดันใด ๆ ก็ตาม
  5. แจ้งความหรือติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
    หากพบว่าตัวเองตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงหรือได้รับข้อความที่น่าสงสัย ควรเก็บหลักฐานการสนทนาและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เพื่อให้ความช่วยเหลือและป้องกันคนอื่นตกเป็นเหยื่อเช่นกัน

ตัวอย่างสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นจากการแกล้งจำคนผิด

หลายกรณีของการแกล้งจำคนผิดเป็นที่รู้จักในสื่อออนไลน์ เช่น ผู้ถูกหลอกได้รับโทรศัพท์จากมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นเพื่อนเก่า บอกว่ามีเรื่องฉุกเฉินต้องใช้เงิน โดยใช้ท่าทีที่ทำให้ผู้ถูกหลอกไม่กล้าปฏิเสธ ท้ายที่สุดเหยื่อเสียเงินจำนวนมากโดยไม่สามารถเรียกคืนได้

อีกกรณีหนึ่งคือการหลอกผ่านทางโซเชียลมีเดีย โดยมิจฉาชีพใช้ภาพโปรไฟล์ที่ดูคล้ายกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน และสร้างเรื่องว่าเคยรู้จักกัน ซึ่งเมื่อเหยื่อยอมรับว่าจำได้ผิดเอง ก็เริ่มขอความช่วยเหลือทางการเงิน

สรุป

การหลอกลวงรูปแบบ “แกล้งจำคนผิด” เป็นมุขใหม่ที่มิจฉาชีพใช้หลอกลวงเพื่อสร้างความสับสนและใช้ประโยชน์จากความเกรงใจของผู้คน การป้องกันตัวเองจากการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงเหล่านี้จำเป็นต้องใช้สติและการตรวจสอบ หากมีใครเข้ามาทักด้วยเรื่องราวที่ไม่คุ้นเคยหรือขอความช่วยเหลือทางการเงิน ควรสงสัยและไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวหรือโอนเงินให้โดยเด็ดขาด

การระมัดระวังตัวในการติดต่อกับคนแปลกหน้าจะช่วยให้เราปลอดภัยจากมิจฉาชีพที่แฝงตัวอยู่ในสังคม

Scroll to Top